อนุฯแพทยสภา หรือ อนุกรรมการบริหารแพทยสภา ได้ออกมาแถลงจุดยืนหลังเหตุความรุนแรงในการชุมนุม #ม็อบ13กุมภา ชี้ไม่เห็นด้วยต่อการยั่วยุจากทุกฝ่าย อนุกรรมการบริหารแพทยสภาโดย ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา (อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1) รศ.นพ.ฉันชาย สิทธิพันธุ์ (อุปนายกแพทยสภาคนที่ 2 ) และ พล.อ.ต.นพ.อิทธพร คณะเจริญ (เลขาธิการแพทยสภา) ได้ออกมาแถลงการณ์ต่อเหตุความรุนแรงที่เกิดขึ้นในการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โดย อนุกรรมการบริหารแพทยสภา ระบุว่า
” เนื่องจากขณะนี้เกิดเหตุการณ์การชุมนุมโดยกลุ่มคนหลายครั้งในประเทศไทย จนเป็นเหตุให้มี ประชาชนที่อยู่ในหตุการณ์ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ และอาสาสมัครทางการแพทย์ ได้รับบาดเจ็บ ดังปรากฏอย่างต่อเนื่อง กรมการบริหารแพทยสภาในฐานะองค์กรวิชาชีพทางด้านสุขภาพ ขอแถลงจุดยืนเกี่ยวกับเหตุการณ์ดังกล่าว คือ
1. ขอแสดงความไม่เห็นด้วยกับการกระทำที่เป็นการยั่วยุ การละเมิดกฎหมาย และการใช้กำลังที่เกินความเหมาะสมของทุกฝ่าย ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุการณ์ที่รุนแรงขึ้น ส่งผลต่อสุขภาวะของผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งประชาชนที่อยู่ในบริเวณ หรือสัญจรผ่านพื้นที่ใกล้เคียง
2. ขอให้ทุกฝ่ายให้เกียรติและระมัดระวังที่จะไม่กระทำให้เกิดอันตราย หรือความเสียหายใดๆ ต่อบุคลากร และอาสาสมัครทางการแพทย์ ตลอดจนอุปกรณ์ทางการแพทย์ และรถพยาบาลตามหลักกาชาดสากล
3. ขอหน่วยงานที่รับผิดชอบ จัดให้มีระบบการให้การดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสม มีการติดสัญลักษณ์ที่ระบุว่าเป็นบุคลากรหรืออาสาสมัครทางการแพทย์ที่ชัดเจน เพื่อให้บุคลากรเหล่านี้ สามารถปฏิบัติการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บได้อย่างปลอดภัย ตามหลักสากล ที่สำคัญคือ ไม่เลือกปฏิบัติ ยึดถือความเป็นกลาง มีคุณธรรม จริยธรรม และปฏิบัติตามจรรยาบรรณของวิชาชีพอย่างเคร่งครัด
4. ขอแสดงความชื่นชมต่อบุคลากรและอาสาสมัครทางการแพทย์ทุกท่าน ที่เสียสละและมีจิตอาสาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์การชุมนุมต่างๆ โดยมิได้หวังผลตอบแทนใดๆ”
ประยุทธ์ ย้อนถาม ทำไมเหตุการณ์การชุมนุมถึงรุนแรงขึ้น หลังการชุมนุม #ม็อบ13กุมภา ที่ผ่านมา จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้กล่าวก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเรนซ์ ถึงเหตุการชุมนุมเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่มีรายงานทั้งตำรวจและผู้ชุมนุม ที่รวมถึงแพทย์อาสาได้รับบาดเจ็บ
โดย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมีการดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ชุมนุม ไปตามกฎหมาย หลังเหตุความรุนแรงเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
ซึ่งผู้สื่อข่าวถามว่า ดูเหมือนการชุมนุมจะรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบกลับว่า “ไปถามว่าทำไมถึงรุนแรงขึ้น แล้วใครเป็นคนทำล่ะ” และเมื่อถามย้ำว่า เป็นห่วงหรือไม่ว่าการชุมนุมจะกินเวลาไปจนถึงวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ ย้อนถามว่า “คนไทย ห่วงไหมล่ะ คนไทย”
ศรีสุวรรณ จ่อยื่น กทม. เอาผิด #ม็อบ13กุมภา
ศรีสุวรรณ เตรียมบุก กทม. เพื่อยื่นเอาผิด #ม็อบ13กุมภา ชี้บุกรุกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยและรื้อสวน ทำลายทรัพยสินของกรุงเทพ ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กว่าเตรียมร้องเรียนกับผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร ให้เอาผิดกลุ่มผู้ชุมนุมเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
โดยข้อความบนเฟซบุ๊กระบุว่า “นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นการทั่วไปว่า มีกลุ่มการเมือง ในนาม “กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม” และ “กลุ่มราษฎร” นำโดยนายภานุพงษ์ จาดนอก นายอรรถพล บัวพัฒน์ นายปิยรัฐ จงเทพ น.ส.ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล ฯลฯ ได้จัดชุมนุมสาธารณะขึ้นอย่างผิดกฎหมายในวันที่ 13 ก.พ.2564 ที่ผ่านมา ณ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนินกลาง โดยได้กระทำการฝ่าฝืนกฎหมายหลายประการ และหลายฉบับ ความดังทราบเป็นการทั่วไปแล้วนั้น
การบุกรุกเข้าใช้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยดังกล่าว ยังได้มีการรื้อถอนทำลายทรัพย์สินของทางกรุงเทพมหานคร คือ ไม้ดอกไม้ประดับ ซึ่ง กทม.ได้ตกแต่งประดับไว้ในบริเวณพื้นที่ดังกล่าวให้สวยงาม ซึ่งถือว่าเป็นการทำลายทรัพย์สินของทางราชการ ซึ่งกรุงเทพมหานครได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดินที่เป็นเงินภาษีของประชาชนไปในการปลูก บำรุงรักษา และประดับ ซึ่งรวมมูลค่าแล้วน่าจะหลายแสนบาท ซึ่งมีความผิดหลายมาตรา อาทิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 360 ที่บัญญัติความว่า “ผู้ใดทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสื่อมค่าหรือทําให้ไร้ประโยชน์ ซึ่งทรัพย์ที่ใช้หรือมีไว้เพื่อสาธารณประโยชน์ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ”
กรณีดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงต้องเดินทางไปร้องเรียนผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เพื่อให้เร่งสั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเอาผิดบุคคลหรือกลุ่มบุคคลทั้งทางแพ่งและทางอาญา ที่เป็นผู้ที่สั่งการ หรือร่วมกระทำการดังกล่าว ดังนี้
1)สั่งการให้พนักงานเจ้าหน้าที่ดำเนินการอย่างใดๆ เพื่อตรวจสอบความเสียหายของไม้ดอกและไม้ประดับรวมทั้งทรัพย์สินอื่นใดของกรุงเทพมหานคร ในบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยที่เสียหาย จากเหตุดังกล่าวว่ามีความเสียหายประเมินแล้วเป็นมูลค่าออกมาเท่าใด และอย่างไร เพื่อนำไปกำหนดเป็นค่าเสียหายในทางแพ่งต่อไป
แนะนำ : รีวิวเครื่องใช้ไฟฟ้า | รีวิวอาหารญี่ปุ่น| รีวิวที่เที่ยว | ดาราเอวี